อย่าแต่งงานเพราะเหตุผล 9 อย่าง
นักจิตวิทยาได้กล่าวถึงสาเหตุของการแต่งงานที่ผู้หญิงไม่ควรใช้เอาไว้
หลายข้อ โปรดตรวจดูว่า คุณมีข้อใดข้อหนึ่งในนี้บ้างหรือไม่ ถ้าเผอิญ
คุณมีข้อใดข้อหนึ่งใน 9 ข้อนี้ มันก็อาจจะเป็นเครื่องสะกิดใจคุณบ้าง
ไม่มากก็น้อย ก่อนการตัดสินใจกระโดดลงไปสู่ประตูวิวาห์ก็ได้
ข้อเตือนใจเหล่านี้ได้แก่
================================
1. อย่าแต่งงานเพราะคุณกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง
================================
ผู้หญิงหลายคน
พอชักเริ่มมีอายุสูงขึ้นก็เกิดอาการวิตกจริตว่าถ้าเราไม่รีบ "คว้า"
ใครไว้สักคนในขณะนี้ พอเราแก่ตัวลงไปจริงๆ คงไม่มีใครมา "คว้า"
เราเป็นแน่
อย่ากระนั้นเลย เจอใครที่ พอดูได้ก็รีบด่วนตัดสินใจไปลงเอยกับเขา
เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกหมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง
การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ คล้ายกับลอยคออยู่ในน้ำ อะไรลอย
ผ่านมา ก็คว้าเอาไว้ก่อน ไม่ทันได้พิจารณาให้รอบคอบและดูว่าสิ่งที่คุณ
คว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือ เป็นที่ พึ่งได้จริง บางทีสิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้
เกาะได้ กลับกลายเป็นเพียงฟางหญ้า หรือปลิงที่คอยดูด เลือดคุณเสียอีก
สุดแสนจะชอกช้ำยิ่งเสียกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ
นอกจากนี้ถ้าคุณอยู่ในวงสังคมคุณอาจจะถูกแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกครอบครัวของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูงที่คอยผลัดเปลี่ยนมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคุณ
ด้วยคำถามประเภท "ทำไมจึงยังไม่แต่งงานเสียที ?" "มีอะไรหรือ ?"
(หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "คุณมีปัญหาอะไรหรือจึงยังเป็นโสดอยู่ได้ปูนนี้!")
สิ่งต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ
และในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐานของชายในฝันของคุณลงอย่างฮวบฮาบ
น่าใจหาย หรือต่ำกว่า 50% ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า "ได้แต่ง" ก็เป็นพอ
ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่า คุณกำลัง "ลนลาน" หาคู่และย่อมเป็นของแน่
อีกเช่นเดียวกันว่า คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น
จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่น ไร
=================================================
2. อย่าแต่งงานเพราะคุณอยากจะออกจากบ้าน จากครอบครัวเดิมของคุณ
=================================================
นี่เป็นเหตุผลที่ฤดีมาศตัดสินใจแต่งงานกับสาธิต
เพราะเธอเบื่อพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวี่ทุกวัน
เธอเบื่อสภาพแวดล้อมของบ้าน และความไม่ปรองดองของพี่ๆ น้องๆ
เธอคิดว่าการออกไปอยู่กับสาธิตจะเป็นคำตอบของเธอ
แต่เมื่อเธอไปอยู่บ้านกับสาธิตจริงๆ
เธอกลับต้องไปเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้
ที่เธอนึกว่าน่าจะหมดไปตั้งแต่สมัย "บานทรายทอง" นั่นแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาพี่ๆ น้องๆ ของเขาที่ไม่ได้ยอมรับเธออย่างสนิทใจ
ฤดีมาศรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนคนแปลกหน้าที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เธอไม่รู้จัก
=============================================
3. อย่าแต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า
=============================================
ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่าและด้วยความเจ็บใจก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่
ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างปุบปับ เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า "ฉันก็มีเสน่ห์
เมื่อเธอจากฉันไปได้ ฉันก็สามารถหาผู้ชาย คนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน"
ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมาก
คุณย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ "คว้า"
ใครก็ได้ และแต่งๆ ไป เพราะผู้หญิงอกหักทุกคน
จะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะ ลดลงไป
และช่วงนั้นคุณมักจะขาดวิจารณญาณในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ คุณมักจะ
ไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วยเพราะจิตใจคุณบอบช้ำ
คุณต้องการคนมาเยียวยา และเขาเสนอตัวเข้ามาพอดีซึ่งคุณก็จะตกลงเพราะคุณ
คิดว่าคนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้ แต่เมื่อแต่งไปแล้ว
จิตใจคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
คุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า "ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร"
==========================
4. อย่าแต่งงานเพราะคุณสงสารเขา
==========================
อลิสาตกลงใจแต่งงานกับพินิจ เพราะเขาดูน่าสงสาร เฝ้ารักเฝ้าติดตามเธออยู่เสมอ
ท่าทางเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย ดูเขาเป็นผู้ชายที่แล้วแต่เธอจะกรุณา
อลิสารู้ว่า เธอไม่ได้รักเขาเลย แต่ดูเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายน่าจะเป็นผู้นำครอบครัว ได้
แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่งเขากลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างน่าเกลียด
แม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเธอเขาก็ไม่ต้องการให้เธอไปคบค้าสมาคมด้วย
อลิสาแทบเป็นบ้า เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อิสระ เป็นตัวของเธอเอง
และคิดไม่ถึงว่า ผู้ชายที่ดูขรึมๆ เรียบๆ จะสามารถแสดง "ฤทธิ์เดช" และวางอำนาจ
กับชีวิตเธอได้ถึงเพียงนี้
=============================================
5. อย่าแต่งงานเพราะหลงใหลในรูปสมบัติ ของเขาเพียงอย่างเดียว
=============================================
รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น
แต่ถ้าคุณมัวไปหลงใหลในรูป ที่เห็นเพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า
ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายใน เขาอาจจะเป็นพยัคฆ์ร้าย
ที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้ คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิก
มากกว่าเพียงแค่รถสปอร์ตราคาเป็น ล้านของเขา และยิ่งกว่านั้น คนสวยๆ
หล่อๆ มักจะใช้เวลาตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่า รูปภายใน และ
จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มีแก่นของเขา หรือไม่ก็เป็นแก่นที่เน่า
หรือกลวงข้างในยิ่งกว่านั้นภายใต้ความหล่อและกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของเขาก็คือ
กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว เจาะลึกลงไป ก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆ กัน
แล้วคุณจะไปหลงใหล ได้ปลื้มอะไรกันนักหนากับรูปที่ไม่กี่วันก็เหี่ยวเฉาลงไป
========================================
6. อย่าแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติและเงินในบัญชีของเขา
========================================
ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยเพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกิน
กับใคร ความจริง เรื่องความรวยนั้นใครๆ ก็ชอบเป็นคุณสมบัติในทางที่น่า
พิสมัยของ ผู้ชายด้วยซ้ำไป แต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว
แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ หรือเขาให้คุณเสวยสุข อยู่บนกองเงินกองทองของเขา
แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะ
ทนได้หรือ ต่อให้เขามีเงินล้น ฟ้า คุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า และคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำ
ไม่รวย แต่มีเวลาและความรักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ
ดังนั้น
เมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดีว่าเขาทำมาหากินอะไร
อย่าให้ความรวยมาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จรูปที่เขาสรรหามาให้
มากกว่าความรักและความจริงใจของเขา
============================
7. อย่าแต่งงานเพราะอยากหนีตนเอง
============================
คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญกับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาด
เป้าหมายของชีวิตตนเอง ใช้การแต่งงานเป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต
อยากให้คู่สมรสมาเติม ความ "ขาด"ในชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเอง
ผู้หญิงบางคนไม่ใคร่ชอบตนเอง
ไม่ใคร่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใครที่รักเธอจริง
เมื่อมีความสัมพันธ์กับใครก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิต
ของเธอเต็มขึ้นมา ซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้
รักผู้ชายคนนั้น เธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนี บางสิ่งบางอย่างของ
ชีวิต ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น
==================================
8. อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้
==================================
นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณแต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง
อย่าคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ
เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิม ที่
ได้รับการปลูกฝังมาเป็นสิบๆ ปี
การเปลี่ยนความเคยชินต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใครเพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง
คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ
========================
9. อย่าแต่งงานเพราะความเหงา
========================
ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงา มองหน้าตัวเองในกระจกก็เบื่อ มองไปรอบๆ
ห้องก็เจอแต่สิ่ง เก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เดิมๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิต
และคุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา
คุณก็เลยแต่งงานไปกับคนที่คุณรู้ทั้งรู้
ว่าเขาไม่เหมาะกับคุณ แต่คุณคิดว่า "ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คนเดียว"
เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่า
เปลี่ยว ในจิตวิญญาณคุณได้ละก็ ขอบอกว่าคุณคิดผิด
เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น
คนเรามักขาดการกลั่น กรอง เห็นผิดเป็นชอบ
คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณ
และคนคนนั้นอาจจะเป็น อันตรายอย่างยิ่งในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได้
--------------------------------------------------------------------------
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มิได้หมายความว่าคุณไม่ควรแต่งงาน
หรือถ้าคุณแต่งงานโดยไม่มีข้ออ้าง ทั้ง 9 ข้อนี้ ชีวิตคู่คุณจะ
ปลอดโปร่งโล่งใจ ตลอดไป การแต่งงานจะประสบความสำเร็จ
หรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับตัวแปรมากมาย 9 ข้อนี้ เป็นเพียงข้อควร
ระวังว่า
ถ้าคุณแต่งงานด้วยเหตุผลเหล่านี้ โอกาสที่คุณจะ ผิดหวังกับ
ชีวิตคู่นั้นอาจจะมีสูงกว่าคนอื่น การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ
มักจะเริ่มจากความรัก ความเข้าใจเป็นพื้นฐาน แต่ก่อนที่ความ
สัมพันธ์ของคุณจะพัฒนาไปสู่การแต่งงานนั้น คุณอาจจะใช้
วิจารณญาณใคร่ครวญสักนิดว่า คุณรักเขาหรือไม่ คุณอยาก
แต่งงานกับเขาเพราะเหตุใด อย่าเพิ่งให้อารมณ์โรแมนติกเข้ามา
เกาะกุมหัวใจของคุณก่อนการใช้สมอง ถ้าคุณเข้าไปสู่ความสัมพันธ์
อย่างมีสติ และวิจารณญาณที่ดี คุณอาจจะป้องกันตัวเองจากการ
ผิดหวัง และเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
นักจิตวิทยาได้กล่าวถึงสาเหตุของการแต่งงานที่ผู้หญิงไม่ควรใช้เอาไว้
หลายข้อ โปรดตรวจดูว่า คุณมีข้อใดข้อหนึ่งในนี้บ้างหรือไม่ ถ้าเผอิญ
คุณมีข้อใดข้อหนึ่งใน 9 ข้อนี้ มันก็อาจจะเป็นเครื่องสะกิดใจคุณบ้าง
ไม่มากก็น้อย ก่อนการตัดสินใจกระโดดลงไปสู่ประตูวิวาห์ก็ได้
ข้อเตือนใจเหล่านี้ได้แก่
================================
1. อย่าแต่งงานเพราะคุณกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง
================================
ผู้หญิงหลายคน
พอชักเริ่มมีอายุสูงขึ้นก็เกิดอาการวิตกจริตว่าถ้าเราไม่รีบ "คว้า"
ใครไว้สักคนในขณะนี้ พอเราแก่ตัวลงไปจริงๆ คงไม่มีใครมา "คว้า"
เราเป็นแน่
อย่ากระนั้นเลย เจอใครที่ พอดูได้ก็รีบด่วนตัดสินใจไปลงเอยกับเขา
เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกหมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง
การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ คล้ายกับลอยคออยู่ในน้ำ อะไรลอย
ผ่านมา ก็คว้าเอาไว้ก่อน ไม่ทันได้พิจารณาให้รอบคอบและดูว่าสิ่งที่คุณ
คว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือ เป็นที่ พึ่งได้จริง บางทีสิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้
เกาะได้ กลับกลายเป็นเพียงฟางหญ้า หรือปลิงที่คอยดูด เลือดคุณเสียอีก
สุดแสนจะชอกช้ำยิ่งเสียกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ
นอกจากนี้ถ้าคุณอยู่ในวงสังคมคุณอาจจะถูกแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกครอบครัวของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูงที่คอยผลัดเปลี่ยนมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคุณ
ด้วยคำถามประเภท "ทำไมจึงยังไม่แต่งงานเสียที ?" "มีอะไรหรือ ?"
(หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "คุณมีปัญหาอะไรหรือจึงยังเป็นโสดอยู่ได้ปูนนี้!")
สิ่งต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ
และในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐานของชายในฝันของคุณลงอย่างฮวบฮาบ
น่าใจหาย หรือต่ำกว่า 50% ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า "ได้แต่ง" ก็เป็นพอ
ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่า คุณกำลัง "ลนลาน" หาคู่และย่อมเป็นของแน่
อีกเช่นเดียวกันว่า คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น
จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่น ไร
=================================================
2. อย่าแต่งงานเพราะคุณอยากจะออกจากบ้าน จากครอบครัวเดิมของคุณ
=================================================
นี่เป็นเหตุผลที่ฤดีมาศตัดสินใจแต่งงานกับสาธิต
เพราะเธอเบื่อพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวี่ทุกวัน
เธอเบื่อสภาพแวดล้อมของบ้าน และความไม่ปรองดองของพี่ๆ น้องๆ
เธอคิดว่าการออกไปอยู่กับสาธิตจะเป็นคำตอบของเธอ
แต่เมื่อเธอไปอยู่บ้านกับสาธิตจริงๆ
เธอกลับต้องไปเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้
ที่เธอนึกว่าน่าจะหมดไปตั้งแต่สมัย "บานทรายทอง" นั่นแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาพี่ๆ น้องๆ ของเขาที่ไม่ได้ยอมรับเธออย่างสนิทใจ
ฤดีมาศรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนคนแปลกหน้าที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เธอไม่รู้จัก
=============================================
3. อย่าแต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า
=============================================
ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่าและด้วยความเจ็บใจก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่
ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างปุบปับ เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า "ฉันก็มีเสน่ห์
เมื่อเธอจากฉันไปได้ ฉันก็สามารถหาผู้ชาย คนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน"
ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมาก
คุณย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ "คว้า"
ใครก็ได้ และแต่งๆ ไป เพราะผู้หญิงอกหักทุกคน
จะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะ ลดลงไป
และช่วงนั้นคุณมักจะขาดวิจารณญาณในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ คุณมักจะ
ไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วยเพราะจิตใจคุณบอบช้ำ
คุณต้องการคนมาเยียวยา และเขาเสนอตัวเข้ามาพอดีซึ่งคุณก็จะตกลงเพราะคุณ
คิดว่าคนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้ แต่เมื่อแต่งไปแล้ว
จิตใจคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
คุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า "ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร"
==========================
4. อย่าแต่งงานเพราะคุณสงสารเขา
==========================
อลิสาตกลงใจแต่งงานกับพินิจ เพราะเขาดูน่าสงสาร เฝ้ารักเฝ้าติดตามเธออยู่เสมอ
ท่าทางเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย ดูเขาเป็นผู้ชายที่แล้วแต่เธอจะกรุณา
อลิสารู้ว่า เธอไม่ได้รักเขาเลย แต่ดูเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายน่าจะเป็นผู้นำครอบครัว ได้
แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่งเขากลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างน่าเกลียด
แม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเธอเขาก็ไม่ต้องการให้เธอไปคบค้าสมาคมด้วย
อลิสาแทบเป็นบ้า เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่อิสระ เป็นตัวของเธอเอง
และคิดไม่ถึงว่า ผู้ชายที่ดูขรึมๆ เรียบๆ จะสามารถแสดง "ฤทธิ์เดช" และวางอำนาจ
กับชีวิตเธอได้ถึงเพียงนี้
=============================================
5. อย่าแต่งงานเพราะหลงใหลในรูปสมบัติ ของเขาเพียงอย่างเดียว
=============================================
รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น
แต่ถ้าคุณมัวไปหลงใหลในรูป ที่เห็นเพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า
ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายใน เขาอาจจะเป็นพยัคฆ์ร้าย
ที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้ คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิก
มากกว่าเพียงแค่รถสปอร์ตราคาเป็น ล้านของเขา และยิ่งกว่านั้น คนสวยๆ
หล่อๆ มักจะใช้เวลาตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่า รูปภายใน และ
จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มีแก่นของเขา หรือไม่ก็เป็นแก่นที่เน่า
หรือกลวงข้างในยิ่งกว่านั้นภายใต้ความหล่อและกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของเขาก็คือ
กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว เจาะลึกลงไป ก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆ กัน
แล้วคุณจะไปหลงใหล ได้ปลื้มอะไรกันนักหนากับรูปที่ไม่กี่วันก็เหี่ยวเฉาลงไป
========================================
6. อย่าแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติและเงินในบัญชีของเขา
========================================
ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยเพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกิน
กับใคร ความจริง เรื่องความรวยนั้นใครๆ ก็ชอบเป็นคุณสมบัติในทางที่น่า
พิสมัยของ ผู้ชายด้วยซ้ำไป แต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว
แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ หรือเขาให้คุณเสวยสุข อยู่บนกองเงินกองทองของเขา
แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะ
ทนได้หรือ ต่อให้เขามีเงินล้น ฟ้า คุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า และคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำ
ไม่รวย แต่มีเวลาและความรักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ
ดังนั้น
เมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดีว่าเขาทำมาหากินอะไร
อย่าให้ความรวยมาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จรูปที่เขาสรรหามาให้
มากกว่าความรักและความจริงใจของเขา
============================
7. อย่าแต่งงานเพราะอยากหนีตนเอง
============================
คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญกับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาด
เป้าหมายของชีวิตตนเอง ใช้การแต่งงานเป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต
อยากให้คู่สมรสมาเติม ความ "ขาด"ในชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเอง
ผู้หญิงบางคนไม่ใคร่ชอบตนเอง
ไม่ใคร่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใครที่รักเธอจริง
เมื่อมีความสัมพันธ์กับใครก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิต
ของเธอเต็มขึ้นมา ซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้
รักผู้ชายคนนั้น เธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนี บางสิ่งบางอย่างของ
ชีวิต ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น
==================================
8. อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้
==================================
นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณแต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง
อย่าคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ
เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิม ที่
ได้รับการปลูกฝังมาเป็นสิบๆ ปี
การเปลี่ยนความเคยชินต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใครเพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง
คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ
========================
9. อย่าแต่งงานเพราะความเหงา
========================
ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงา มองหน้าตัวเองในกระจกก็เบื่อ มองไปรอบๆ
ห้องก็เจอแต่สิ่ง เก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เดิมๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิต
และคุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา
คุณก็เลยแต่งงานไปกับคนที่คุณรู้ทั้งรู้
ว่าเขาไม่เหมาะกับคุณ แต่คุณคิดว่า "ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คนเดียว"
เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่า
เปลี่ยว ในจิตวิญญาณคุณได้ละก็ ขอบอกว่าคุณคิดผิด
เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น
คนเรามักขาดการกลั่น กรอง เห็นผิดเป็นชอบ
คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณ
และคนคนนั้นอาจจะเป็น อันตรายอย่างยิ่งในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได้
--------------------------------------------------------------------------
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มิได้หมายความว่าคุณไม่ควรแต่งงาน
หรือถ้าคุณแต่งงานโดยไม่มีข้ออ้าง ทั้ง 9 ข้อนี้ ชีวิตคู่คุณจะ
ปลอดโปร่งโล่งใจ ตลอดไป การแต่งงานจะประสบความสำเร็จ
หรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับตัวแปรมากมาย 9 ข้อนี้ เป็นเพียงข้อควร
ระวังว่า
ถ้าคุณแต่งงานด้วยเหตุผลเหล่านี้ โอกาสที่คุณจะ ผิดหวังกับ
ชีวิตคู่นั้นอาจจะมีสูงกว่าคนอื่น การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ
มักจะเริ่มจากความรัก ความเข้าใจเป็นพื้นฐาน แต่ก่อนที่ความ
สัมพันธ์ของคุณจะพัฒนาไปสู่การแต่งงานนั้น คุณอาจจะใช้
วิจารณญาณใคร่ครวญสักนิดว่า คุณรักเขาหรือไม่ คุณอยาก
แต่งงานกับเขาเพราะเหตุใด อย่าเพิ่งให้อารมณ์โรแมนติกเข้ามา
เกาะกุมหัวใจของคุณก่อนการใช้สมอง ถ้าคุณเข้าไปสู่ความสัมพันธ์
อย่างมีสติ และวิจารณญาณที่ดี คุณอาจจะป้องกันตัวเองจากการ
ผิดหวัง และเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย