กระทู้ ติวภาษาอังกฤษ

First topic message reminder :

เห็นเพื่อนๆ หลายคนค่อนข้างไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แถมใกล้สอบมิดเทอมกันแล้วด้วย เลยมีกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
เราจะมาติวกันทีละหัวข้อเนาะ เรียงจาก outline ที่พี่เอได้ตั้งกระทู้เรื่องที่จะสอบไว้ก่อนหน้านี้

Mmy Aor พิมพ์ว่า:13. เศษส่วน ของคำนามเอกพจน์ ใช้กริยาเอกพจน์ เศษส่วนของคำนามพหูพจน์ ใช้กริยาพหูพจน์ เช่น

-Two-thirds of the boys are absent.
-Two-thirds of the wall has been painted.

ง่ายเนอะ

อ่าาาา สุดท้ายละค่ะ สำหรับเรื่อง subject-verb agreement

14. ชื่อหนังสือหรือบทความเป็นเอกพจน์ เช่น

-The Davinci Code was written by Dan Brown
-The Harry Potter by JK. Roeling is my favorite fantastic book.


จขสำหรับเรื่อง subject-verb agreement ค่ะ เยอะมากมาย แต่เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยากเลยค่ะ

เด๋ยวหาเรื่องอื่นที่เวทคะแนนเยอะหน่อยมาติวกันนะคะ


credit: ขอบคุณเว็บครูบ้านนอกดอทคอมค่ะ
[url=http://www.kroobannok.com/693

http://www.kroobannok.com/693[/size][/quote[/url]]

ติวเสร็จ หาเรื่องเลยย ดุ ดุ ดุ ! !

เรื่องที่ 3 - Conjunction คือคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมประโยค เมื่อแยกประโยคที่เชื่อมกัน จะแยกออกเป็น 2 ประโยคได้ชัดเจนเลยค่ะ ตัวอย่างนะคะ

-My father speaks English but my mother speaks Thai.

ประโยคนี้คำเชื่อมคือ but เชื่อมประโยค 2 ประโยค คือ
My father speaks English. และ My mother speaks Thai.

conjunction มีดังนี้ค่ะ

-and (Jack and Jim are friends)

-but (He can read but cannot write)

-however (I am sick, however I will go with you)

-still (I am sick, still I will go with you)

-yet (I am sick yet, I will go with you)

-although (Although I am sick, I will go with you)

-though (Though I am sick, I will go with you)

-until (We will not play until mother goes)

-or (Will you write with a pen or a pencil?)

-so (They came late so they missed the train)

-therefore (They came late therefore they missed the train)

-thus (They came late thus they missed the train)

-because (They came late because it rained heavily)

-for (They came late for it rained heavily)

-as (They came late as it rained heavily)

-since (They came late since it rained heavily)


credit : ขอบคุณเว็บไซต์ http://www.prd.go.th/files/peoplefile/9cd07085a818dc4df538542045229035.doc ค่ะ

มาแว้วว..สรุปเนื้อหาที่เรียนเมื่อวันเสาร์ ใครที่ไม่ได้ไปเรียนต้องทบทวนเนื้อหาตรงนี้ด้วยนะ เพราะต้องสอบในเนื้อหานี้ด้วยอ่ะจ้ะ!!
TU 006
สรุปเนื้อหา เมื่อวันที่ 13 -14 ก.พ. 53 โดย....แมว....

หลักการเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

Topic = หัวข้อ

Topic sentence = เป็น main idea ของเรื่อง อาจเป็นวลี มากกว่าวลี หรือประโยค

Topic + controlling (ทำให้ไอเดียไม่กระจัดกระจาย) มีลักษณะ ดังนี้

A. Major supporting detail

- minor detail

- minor detail

B. Major supporting detail

- minor detail

C. Major supporting detail

กฎหลัก

1. parallelism (โครงสร้างคู่ขนาน) แต่ละข้อที่เป็น detail ต้องอยู่ในฟอร์มเดียวกัน เช่น

เริ่มเป็น V1 ข้อต่อไปก็ต้องเป็น v1……v1

เริ่มเป็น sentence ข้อต่อไปก็ต้องเป็น sentence......... sentence

2. coordination การวางลำดับให้ตรงกันในสิ่งที่สำคัญเท่ากัน

	จำนวน	เหตุผล
There are	many	Reasons why (S + V)
	a lot of	Advantages of N. หรือ V.ing
	Various	Disadvantages
	tree	Kinds/types
		Methods/ways + to V1

Concluding sentence = บทสรุปของเรื่อง จะคล้ายกับ main idea

What is an Outline ?

Outline จะเหมือน Controlling Idea เพื่อไม่ให้การเขียนเนื้อเรื่องสะเปะสะปะ



Sentences มี 3 รูปแบบ ได้แก่

1. simple sentences – ประโยคความเดียว มีลักษณะดังนี้

1.1 S + V (v ที่ใช้เช่น walk, laugh, smile, eat …)

1.2 S + V + O (v ที่ใช้เช่น hit, speak, play …)

1.3 S + V + Complement (ส่วนเติมเต็ม)

(v ที่ใช้เป็น linking v. เช่น taste, feel, look, seem, be …)

1.4 S + V + I.O (กรรมรอง) + D.O. (กรรมตรง)

V ที่ใช้เช่น send, give, buy, teach…

Ex She sent the letter (กรรมตรง)to her friend. (กรรมรอง)

หรือ He sent her friend (กรรมรอง) the letter. (กรรมตรง)

1.5 S + V + Complement

V ที่ใช้เช่น appoint, call, name…

Ex The government appoint Mr. Trairong (to be) the minister.

2. compound sentences – ประโยคความรวม

S + V., conj S + V

Conj ที่ใช้ได้แก่ fanboys = for, and, nor, but, or, yet, so

การใช้ But, yet เป็น conj ที่แสดงความขัดแย้ง

การใช้ Nor

- เช่น Jack can’t eat fish ., He can’t eat meat

เมื่อใช้ nor จะเป็น Jack can’t eat fish , nor can he eat meat

การใช้ yet

เช่น He is rich , yet he live in a small house

การใช้เครื่องหมาย และ conj ในประโยคความรวม

- clause 1, conj clause 2

conj adverbs

- clause 1. Conj , clause 2 กรณีอยู่คนละประโยค

- clause 1 ; conj , clause 2 ประโยคความรวม

3. complex sentences – ประโยคความซ้อน (ต้องมีประธาน 2 + กริยา 2)



การใช้ “Preposition” with time

1. Use “at” with specific time

Ex : At 6 O’clock, At 5:00 p.m. , at noon, at midnight

2. Use “from” and “to” with a span of time

Ex : From 9:00 a.m. to 5:00 p.m. , from 1990 to 2005

3. Use “in” with parts of the day or with year

Ex : In 1990 , in the evening , in the morning , in June , in summer

4. Use “on” with day, day and month

Ex : On Sunday , On Saturday 18, 2001



การใช้ “Verb”

1. Past Simple (v2) : เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต

---- action that occurred and finished in the past

Time markers : yesterday , last (week) , ( 3 days) ago , in 1990

Ex : Yesterday I went to 7 – Eleven to buy some snacks.

2. Past Cont (was/were + V.ing) : เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินต่อไป

---- action that was occurring at specific time in the past

Ex : At 9.00 p.m. last night I was sleeping with my friend was watching T.V.

3. Past Perfect (had + V.3) : เกิดขึ้นและเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ก่อน past simple)

Ex :

- When I turned on the television, the program started. เมื่อเปิดทีวี รายการก็เริ่มพอดี

- When I turned on the television, the program had started. รายการทีวีเริ่มไปก่อนที่จะเปิดทีวี

- By the time (กว่าที่จะ) I arrived home, everyone had gone to bed ทุกคนหลับหมดก่อนที่ฉันจะกลับถึงบ้าน

4. Past Cont (was/were + V.ing)/Past Simple : เหตุการณ์หนึ่ง (Past Cont)กำลังดำเนินอยู่ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง(Past Simple)เข้ามาแทรก

---- “past simple” action interrupted “past cont” action

Ex : While I was cooking dinner, the telephone rang.

สรุป

1. Past Simple + Past Simple = เรื่องเล่า

2. Past Simple + Past Perfect = เกิดจบแล้ว 1 และอีก 1 เกิดแล้วจบ

3. Past Cont + Past Cont = กำลังเกิดขึ้นทั้งคู่

4. Past Cont + Past Simple = บางอย่างกำลังเกิดขึ้น ขณะที่บางอย่างเข้ามาแทรก

Mmy Aor พิมพ์ว่า:เรื่องที่ 3 - Conjunction คือคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมประโยค เมื่อแยกประโยคที่เชื่อมกัน จะแยกออกเป็น 2 ประโยคได้ชัดเจนเลยค่ะ ตัวอย่างนะคะ

-My father speaks English but my mother speaks Thai.

ประโยคนี้คำเชื่อมคือ but เชื่อมประโยค 2 ประโยค คือ
My father speaks English. และ My mother speaks Thai.

conjunction มีดังนี้ค่ะ

-and (Jack and Jim are friends)

-but (He can read but cannot write)

-however (I am sick, however I will go with you)

-still (I am sick, still I will go with you)

-yet (I am sick yet, I will go with you)

-although (Although I am sick, I will go with you)

-though (Though I am sick, I will go with you)

-until (We will not play until mother goes)

-or (Will you write with a pen or a pencil?)

-so (They came late so they missed the train)

-therefore (They came late therefore they missed the train)

-thus (They came late thus they missed the train)

-because (They came late because it rained heavily)

-for (They came late for it rained heavily)

-as (They came late as it rained heavily)

-since (They came late since it rained heavily)


credit : ขอบคุณเว็บไซต์ http://www.prd.go.th/files/peoplefile/9cd07085a818dc4df538542045229035.doc ค่ะ

ขอบใจน้องมากครับ ขอบใจแทนเกือบทุกคนด้วยนะ

เรื่องที่ 4 - Pronoun References เป็นสรรพนามที่ใช้อ้างถึงคำ หรือกลุ่มคำอื่นๆ ซึ่งเจ้า pronoun references นี่ก็มีหลายแบบเลยค่ะ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะจับประเด็นเพื่อทำความเข้าใจ pronoun references เหล่านั้น ได้แก่

1. Personal Pronoun- คือคำสรรพนามที่ใช้แทน คน สัตว์ สิ่งของ ที่เราได้เอ่ยไปแล้ว

1.1 Subject - I, you, we, they, he, she, it, one เช่น

-Some people believe that cigarette smoking is dangerous. They want their government to start anti- smoking campaigns.

ประโยคนี้ They เป็น pronoun reference ของ Some people ที่เป็น subject ของประโยค ค่ะ

1.2 Object- me, you, us, them, him, her, it เช่น

-I love my car. It is very smart.

ประโยคนี้ It ใช้อ้างถึง my car ที่เป็น object หรือ กรรมของประโยคค่ะ

1.3 Adjective pronoun- my, your, our, their, his, her, its เช่น

-Thai people want their government to start anti- smoking campaigns

ประโยคนี้ their ใช้อ้างถึง government โดยที่ their เป็น adjective ที่ขยาย government เป็น รัฐบาลของพวกเขา

1.4 Reflexive Pronoun- myself, yourself, ourselves, themselves, himself, herself, itself เช่น

-I always tell myself to forget someone who hurt my heart.

ประโยคนี้ myself ใช้อ้างถึง I ค่ะ

2. Demonstrative Pronouns หรือสรรพนามชี้เฉพาะค่ะ ได้แก่ this, that, these, those ค่ะ (น้อยจัง ฮี่ๆ) ตัวอย่างค่ะ

-My mom suggest me to call to my brother before I go to see him on tomorrow, that is a very good idea.

ประโยคนี้ that เป็นตัวที่ชี้เฉพาะ ถึง to call to my brother before I go to see him ค่ะ

-That is a very nice way to solve the marketing problem.

that ในประโยคนี้ ใช้ชี้เฉพาะ the nice way ค่ะ

ใครก็ได้ซื้อเชือกให้เส้นดิ...จะผูกคอตาย ฮือๆๆๆๆ

yadarunkhonsue528@hotmail พิมพ์ว่า:ใครก็ได้ซื้อเชือกให้เส้นดิ...จะผูกคอตาย ฮือๆๆๆๆ

แงๆๆ ยากจังอ่ะ จดใส่กระดาษ A4 เผื่อหนูด้วยดิ

Mmy Aor พิมพ์ว่า:2. Demonstrative Pronouns หรือสรรพนามชี้เฉพาะค่ะ ได้แก่ this, that, these, those ค่ะ (น้อยจัง ฮี่ๆ) ตัวอย่างค่ะ

-My mom suggest me to call to my brother before I go to see him on tomorrow, that is a very good idea.

ประโยคนี้ that เป็นตัวที่ชี้เฉพาะ ถึง to call to my brother before I go to see him ค่ะ

-That is a very nice way to solve the marketing problem.

that ในประโยคนี้ ใช้ชี้เฉพาะ the nice way ค่ะ

ประโยคนี้ แปลว่า " นั้น คือ ทางน่ารัก ที่แก้ปัญหาการตลาด"

ถ้าสมาชิกท่านใดแปลแบบนี้ รับรอง เสาร์-อาทิตย์ นี้ สอบผ่าน ชัวร์รรรร!!!
ถ้าไม่ผ่าน รับประกันคืนเงินทุกท่านๆๆๆๆ

d]That is a very nice way to solve the marketing problem.

that ในประโยคนี้ ใช้ชี้เฉพาะ the nice way ค่ะ[/quote]

ประโยคนี้ แปลว่า " นั้น คือ ทางน่ารัก ที่แก้ปัญหาการตลาด"

ถ้าสมาชิกท่านใดแปลแบบนี้ รับรอง เสาร์-อาทิตย์ นี้ สอบผ่าน ชัวร์รรรร!!!
ถ้าไม่ผ่าน รับประกันคืนเงินทุกท่านๆๆๆๆ
[/quote]

น่ารักซะเหลือเกิ้น เฮ้อ

3. Relative Pronouns- ก็เป็นพวก wh- ทั้งหลาย และ that ค่ะ คือ who, whom, which, whose, where, that เหล่านี้ใช้เป็นส่วนขยายให้ความหมายว่า ที่ซึ่ง ค่ะ การใช้ก็จะต่างกัน คือ

who จะใช้เป็นส่วนขยายสำหรับที่เป็นคน เช่น
-The man who speak well is my brother.

whom ใช้เป็นส่วนขยายที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น
-There were twenty passengers in the bus all of whom were injured.

which ใช้เป็นส่วนขยายแทนสิ่งของ หรือสถานที่ เช่น
-I like the sci-fi movie which be produced by James Cameron.
-Bangkok which is the capital of Thailand is an old city. (กล่าวถึงชื่อ)

whose ใช้เป็นนส่วนขยายที่สิ่งของที่ถูกเป็นเจ้าของ ใครเป็นเจ้าของ... (ของใครๆๆ) เช่น
-Whose book is that?

where ใช้เป็นคำขยายสถานที่ เช่น
-Bangkok where a lot of tourists come to visit is an old city. (กล่าวถึงสถานที่)

that ใช้เป็นคำกลางๆ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็คน สัตว์ สิ่งของ.. เช่น
-It was a little boy that broke the window.

เห้อออออ จบดีกว่า ขอบคุณค่ะ เหลือ adverbial phrase กับ participial prase อ่ะคะ มันก็คือวลีที่ใช้ขยายนะแหล่ะ รายละเอียดหาอ่านกันสบายๆ เนาะ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ บ้างนะคะ ไม่เฉพาะสอบครั้งนี้ แต่สำหรับครั้งต่อๆ ไป และการนำไปใช้ด้วยจ้ะ

ขอบพระคุณพี่ออ ที่ติวให้นะคะ เย้ๆๆในที่สุดก็ผ่านไปแล้ว กะการสอบอังกฤษ

วันที่ 7 มี.ค. สอบอีกครั้งนึง วันที่ 6 ค่อยเครียดต่อ

Dew พิมพ์ว่า:วันที่ 7 มี.ค. สอบอีกครั้งนึง วันที่ 6 ค่อยเครียดต่อ

ดิวสู้ๆ

Dew พิมพ์ว่า:ขอบพระคุณพี่ออ ที่ติวให้นะคะ เย้ๆๆในที่สุดก็ผ่านไปแล้ว กะการสอบอังกฤษ

ดิว ของฟรีม่ายมีในโลกเว้ย ตัง อ่ะ มีมั๊ย จ่ายเด๋วนี้ลดให้ครึ่ง มี ซีดีแถม โทรหาเราตอนนี้ 1900 1900 3571138

ammy พิมพ์ว่า:

Dew พิมพ์ว่า:วันที่ 7 มี.ค. สอบอีกครั้งนึง วันที่ 6 ค่อยเครียดต่อ

ดิวสู้ๆ

เอมี่ ฝากทั่นประธานด้วยนะ เห็นทำข้อสอบไป น้ำตาไหลไป

น่าจ๋งจ๋านจิงๆๆ

S.W.0404 พิมพ์ว่า:

ammy พิมพ์ว่า:

Dew พิมพ์ว่า:วันที่ 7 มี.ค. สอบอีกครั้งนึง วันที่ 6 ค่อยเครียดต่อ

ดิวสู้ๆ

เอมี่ ฝากทั่นประธานด้วยนะ เห็นทำข้อสอบไป น้ำตาไหลไป

น่าจ๋งจ๋านจิงๆๆ

เฮ้อ ตรูยังจะไม่รอดเลย แล้วท่านรองไปไหนอ่ะ เห็นท่านประธานพยายามจะหันมาสบตาพี่อยู่นะ สอบคราวนี้พลาดโดนนั่งซะหน้าเลยด้วย เห็นใจจริงๆ

ammy พิมพ์ว่า:

S.W.0404 พิมพ์ว่า:

ammy พิมพ์ว่า:

Dew พิมพ์ว่า:วันที่ 7 มี.ค. สอบอีกครั้งนึง วันที่ 6 ค่อยเครียดต่อ

ดิวสู้ๆ

เอมี่ ฝากทั่นประธานด้วยนะ เห็นทำข้อสอบไป น้ำตาไหลไป

น่าจ๋งจ๋านจิงๆๆ

เฮ้อ ตรูยังจะไม่รอดเลย แล้วท่านรองไปไหนอ่ะ เห็นท่านประธานพยายามจะหันมาสบตาพี่อยู่นะ สอบคราวนี้พลาดโดนนั่งซะหน้าเลยด้วย เห็นใจจริงๆ

นั่งหน้าก็โอเคนะ นั่งหน้าแล้วตรงอาจารย์ สบตาปิ๊งๆ ยังเคยมาแล้ว

เฮ้อ ตรูยังจะไม่รอดเลย แล้วท่านรองไปไหนอ่ะ เห็นท่านประธานพยายามจะหันมาสบตาพี่อยู่นะ สอบคราวนี้พลาดโดนนั่งซะหน้าเลยด้วย เห็นใจจริงๆ[/quote]

นั่งหน้าก็โอเคนะ นั่งหน้าแล้วตรงอาจารย์ สบตาปิ๊งๆ ยังเคยมาแล้ว [/quote]

มีน้ำลายอาจารย์ ประพรม ให้บ้าง เพลินๆ ชอบ ชอบ